ความเชื่อต่างๆ เรื่องการเลี้ยงดูลูก

แอร์ได้รวบรวมความเชื่อต่างๆ ในการเลี้ยงดูลูกน้อยมาให้อ่านกันค่ะ วิธีการเลี้ยงลูกที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่ปู่ย่าตายายบางอย่างก็ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ซึ่งความเชื่อเรื่องการเลี้ยงลูกเหล่านั้น บางเรื่องก็มีเหตุผลที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้ แต่บางเรื่องก็ยังเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้นค่ะ คุณพ่อคุณแม่ลองอ่านดูกันนะคะ และก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละครอบครัวค่ะ 

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หลัง 6 เดือนแล้วจำเป็นต้องใช้นมชนิดอื่นเลี้ยงทารกด้วย 

ไม่จริง ! นมแม่ให้คุณค่าทุกอย่างแก่ทารกเช่นเดียวกันกับที่มีในนมชนิดอื่นและมีมากกว่าด้วยซ้ำไป ตราบใดที่ทารกยังคงได้รับการเลี้ยงด้วยนมแม่อยู่  นมวัวหรือนมผสมนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็น   อย่างไรก็ตาม ถ้าแม่ต้องการจะให้ลูกดื่มนมภายหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว, มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เด็กทารกจะไม่สามารถดื่มนมวัวได้คะ, ตราบใดที่ทารกยังคงดื่มนมแม่ได้ 2-3 ครั้งในหนึ่งวัน และลูกน้อยยังคงได้ทานอาหารเสริมหลากหลายชนิดในปริมาณมากกว่าปริมาณต่ำสุดที่ร่างกายควรได้รับ ทารกที่มีอายุมากกว่าหกเดือนขึ้นไปส่วนใหญ่ที่ไม่เคยดื่มนมผสมมาก่อน มักจะไม่ยอมดื่มนมผสมทั้งนี้เพราะรสชาติของนมผสมที่ไม่อร่อยเหมือนนมแม่นั่นเองคะ 

ab3

ปานและรอยตำหนิ 

เชื่อกันว่า เรื่องปานหรือรอยตำหนิโบราณถือว่า เด็กที่เกิดมานั้นได้เคยเกิดมาแล้วชาติหนึ่ง แล้วถูกป้ายด้วยของทำเป็นตำหนิเอาไว้ ปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดง และปานดำ จะถูกป้ายด้วยถ่าน เพื่อที่ว่าเวลาเกิดใหม่ญาติพี่น้องในชาติที่แล้วจะจำได้จากตำหนิ

ความจริงคือ ทารกน้อยที่เกิดมาพร้อมรอยตำหนิ มีกระ มีปาน ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งตามปกติแล้วทารกสามารถที่จะเกิดรอย ต่างๆ ดังกล่าวขึ้นมาได้ ตามกรรมพันธุ์ และการเกิดปานไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม เป็นเพราะเซลล์ผิวหนังผิดปกตินั่นเอง เป็นเรื่องของผิวหนังของเด็กแต่ละคน เด็กบางคนพอโตขึ้นจะค่อยๆ จางไปค่ะ ขึ้นอยู่แต่ละชนิดของปานคะ บางชนิดก็เป็นถาวรหรือผิดปกติ ควรพบแพทย์ค่ะ

ab1

ดัดขาตั้งแต่เล็กจะได้ขาไม่โก่ง 

จริงๆ แล้วลักษณะขาเด็กตอนแรกเกิดจะดูโก่งๆ โค้งๆ อยู่แล้วคะ พอถึงพัฒนาการตามวัยของลูก ช่วง 2 ปี ขาโก่งๆ ที่เห็นก็จะตรงเอง ถึงไม่ดัดและก็ตรงเองคะ และพอเลย 2 -7 ปีไป ตรงหัวเข่าก็จะเอนและแบะออกข้างนอกเล็กน้อย และ 7 ปีถึงจะกลับเข้าที่เดิมคือดูตรงเหมือนเดิม ดังนั้น ถึงเราไม่ดัดหรือทำอะไร ขาก็จะกลับมาตรงสวยอยู่แล้ว ถ้าไปดัดขาให้ลูก ก็อาจจะส่งผลได้ เช่น ถ้าถึงวัยที่มันจะตรง มันอาจจะไม่ตรงอย่างที่ควรจะตรง แต่ถ้าขาลูกผิดปกติ หรือเป็นโรคบางอย่างที่ทำให้ขาโก่งผิดปกติ หรือกระดูกมันแบะออกผิดปกติก็จะเห็นได้ค่ะ 

และมีความเชื่อที่คุณแม่หลายท่านกังวลหรือเข้าใจผิด ว่าการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปตลอดเวลา จะทำให้ลูกขาโก่ง ซึ่งความจริงแล้วการที่รูปร่างของเท้าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับ DNA ภายในเซลล์เป็นตัวกำหนด การใส่ผ้าอ้อมจึงไม่มีผลทำให้ลูกขาโก่งได้ค่ะ คุณแม่หลายคนกลัวว่าลูกจะขาโก่ง ก็เลยดัดขา บิดเท้าให้ลูก ซึ่งความจริงแล้ว เด็กตัวเล็กๆ เท้าและขายังไม่เข้าที่เข้าทาง ขาเค้าอาจจะไม่ได้โก่งอย่างที่คุณแม่เข้าใจ

ขามีทั้งโก่งปกติ และโก่งผิดปกติค่ะ วิธีการทดสอบง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ โดยให้คุณแม่จับลูกนอนเหยียดขาตรงๆ จับข้อเท้าให้ชิดกัน จับเข่าให้กระดูกสะบ้าหัวเข่าทั้ง 2 ข้างหันตรงไปด้านหน้า และวัดระยะระหว่างหัวเข่าด้านในของทั้งสองข้างไม่ควรเกิน 8 ซม.ถ้ามากเกินกว่านี้ และเจ้าตัวเล็กอายุมากกว่า 2 ปี ควรหาสาเหตุต่อไปค่ะ  แนะวิธีสำหรับคุณแม่ ให้คุณแม่สังเกตการเดินของลูกดูนะคะว่าเค้าเดินได้สะดวกดีไหม กระเผลก หรือว่ามีอาการเท้าปุกร่วมด้วยหรือเปล่า ถ้าคุณแม่สังเกตพบความผิดปกติดังที่กล่าวมาให้พาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียด สำหรับเด็กที่เดินสะดวก อาจจะเท้าโก่ง แต่ถ้ายังอยู่ในช่วงอายุไม่เกิน 2 ขวบ และไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ให้คิดว่าเป็นธรรมชาติของเด็กเค้า ไม่ควรวิตกมากเกินไป ให้รอดูอาการไปก่อนค่ะ หากสงสัยหรือไม่แน่ใจ คุณแม่ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าตัดสินใจด้วยตัวเอง หรือฟังจากเพื่อนคุณแม่คนอื่นนะคะ เพราะสรีระร่างกายของแต่ละคนต่างกัน

เอาผ้าอ้อมเปียกฉี่กวาดลิ้น จะได้ไม่เป็นฝ้าขาว 

ความจริงแล้ว ฉี่คือของเสียของร่างกาย ที่ขับสารบางอย่างที่ร่างกายไม่ต้องการออกมา เช่น ยูเรีย ซึ่งคงไม่เหมาะสมที่จะเอามากวาดลิ้นเด็ก แต่การเช็ดทำความสะอาดลิ้นลูกนั้น ใช้เพียงน้ำเปล่าธรรมดา หรือน้ำต้มที่ตั้งทิ้งไว้ให้มันเย็น แล้วใช้ผ้าอ้อมที่สะอาดหรือผ้าสะอาด ชุบน้ำหรือน้ำอุ่นที่สะอาดต้มสุกเช็ดกวาดลิ้นก็สะอาดแล้ว ส่วนลิ้นของเด็กที่จะเห็นเป็นฝ้า ส่วนใหญ่เกิดจากคราบนมที่กิน ที่จะมีคราบตกอยู่เหมือนคราบอาหารติดตามลิ้น ก็จะเจอได้บ่อย ซึ่งการทำความสะอาดโดยน้ำเปล่าธรรมดาก็จะออกไปแล้วค่ะ มันก็จะมีบางคนเป็นฝ้าจากเชื้อราก็จะเห็นเป็นฝ้าขาวๆ ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นคราบอาหาร เด็กก็จะปกติไม่งอแง แต่ถ้าเป็นเชื้อรา เด็กจะเจ็บ จะงอแง เวลาที่กินนมและเช็ดธรรมความสะอาดก็อาจจะเจ็บ แล้วมีร้องกวนค่ะ ส่วนเรื่องเด็กที่ทานนมแม่ตลอดไม่ต้องกวาดลิ้น อันนี้จริงๆ แล้วก็สามารถที่จะเช็ดทำความสะอาดได้เหมือนกันค่ะ คุณแม่บางท่านเป็นกังวลไม่กล้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือเป็นอันตรายค่ะ ก็แล้วแต่วิจารณญาณของคุณแม่แต่ละท่าน แต่ละท่านการเลี้ยงดูไม่เหมือนกัน

ให้นอนคว่ำ หัวสวย นอนได้นาน 

จริงๆ แล้ว การนอนคว่ำตามหลักวิชาการไม่แนะนำเลย ก็อาจทำให้หัวสวยจริง แต่จะพบเคสเด็กที่นอนคว่ำ แล้วมีหยุดหายใจและเสียชีวิตได้ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุที่จะเป็นได้ เช่น พอกินเสร็จก็ไปจับนอนคว่ำ มีสำลักนมออกมา คุณแม่ก็จะไม่เห็นหน้าลูก ก็อาจได้ยินเสียงแอะๆ แล้วเงียบไปโดยเราไม่ทันสังเกต คิดว่าลูกนอนหลับ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาได้ ถ้าอยากให้เด็กนอนได้นานด้วย หัวสวยด้วย ก็ใช้เป็นนอนตะแคงเอา หรือนอนหงายก็จะดีที่สุด

บีบจมูกเวลาอาบน้ำจะได้จมูกโด่ง 

ความจริงแล้ว กระดูกตรงจมูกของเราเป็นกระดูกอ่อน เพราะฉะนั้น กระดูกอ่อนจะเติบโตของมันเอง การไปบีบๆ ดึงๆ ไม่ได้ช่วยให้ใหญ่หรือโตขึ้น แต่การที่ไปบีบๆ ดึงอาจทำให้ดูนูนขึ้น เพราะพวกเนื้อเยื่ออ่อนๆ ตรงจมูกนูนขึ้นมาชั่วคราว แต่แล้วก็จะย่นลงไปตามแนวกระดูกออกเดิมที่มันมีค่ะ

ab4

โกนผมไฟ ผมจะได้ดกดำ 

จริงๆ แล้ว สมัยก่อนนั้นเราเชื่อว่าผมของเด็กที่ติดมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ไม่สะอาดนัก และเป็นผมที่บอบบางหลุดร่วงง่าย จึงโกนทิ้ง ซึ่งในสมัยก่อนไม่มีแชมพูสระทำความสะอาดผม หรือน้ำอุ่นอาบน้ำลูก การโกนผมทิ้งจึงมุ่งประโยชน์ไปที่เรื่องของความสะอาดเป็นหลักผมดกหรือไม่ดก ก็จะอยู่ตรงพันธุกรรมด้วยส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเด็กโกนผมไฟ แต่พันธุกรรมผมไม่ดก ผมที่ขึ้นใหม่ก็ไม่ได้ดกขึ้นจะปริมาณเท่าเดิม เพียงแต่ผมที่ขึ้นใหม่จะดูแข็งกว่าผมอ่อนที่ติดมาตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ดูเหมือนมันหนาดกขึ้น แต่โดยปกติถึงไม่โกน แต่ผมที่ติดมาตั้งแต่แรกเกิดก็จะผลัดหลุดออกไปเอง และสร้างขึ้นใหม่อยู่แล้ว ซึ่งจะหลุดประมาณ 2-3 เดือนก็จะผลัดทีหนึ่ง อย่างที่โบราณเขาพูดว่า ช่วงไหนที่ลูกผมร่วงก็แสดงว่าลูกจำหน้าแม่ได้ แม้ว่าความเข้าใจผิดที่หยิบยกมานั้นอาจไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อลูกมากมายนัก แต่การได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องก็ดีต่อลูกน้อยที่สุดค่ะ

ดอกอัญชัน กานพลู น้ำนมแม่ หรือขี้เทาของเด็กทาผมทาคิ้วให้ดกดำ
เชื่อว่า นำดอกอัญชันมาบดแล้วทาผมทาคิ้วให้เด็กแรกเกิดหรือกานพลูมาจุ่มขี้เทา หรือใช้น้ำนมแม่ทาจะทำให้คิ้วดกดำเรียงตัวสวย
คุณหมอบอก มีเฉพาะดอกอัญชันที่มีสารกลุ่มแอนโธไซยานินที่มีคำกล่าวอ้างว่าหากนำมาหมักผมจะช่วยกระตุ้นหนักศีรษะทำให้ผมดกดำขึ้น ส่วนกานพลู น้ำนมแม่หรือขี้เทาของเด็กยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าช่วยได้แต่อย่างใด ข้อควรระวัง อาจก่อให้เกิดอาการผื่นแพ้กับผิวที่บอบบางของลูกน้อย

น้ำนมแม่รักษาตาแดง 

เชื่อว่า เมื่อลูกเป็นตาแดงให้ใช้น้ำนมแม่หยอดตาสามารถรักษาให้หายได้
คุณหมอบอก น้ำนมไม่สามารถฆ่าเชื้อโรค หรือรักษาอาการตาแดงได้ เพราะในน้ำนมแม่นั้นมีเชื้ออยู่ ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ฝ่ายดีที่ป้องกันการท้องเสียให้กับลูกน้อย ซึ่งถ้านำมาหยอดตาอาจเกิดการอักเสบติดเชื้อ ไม่แนะนำให้ทำเด็ดขาดคะ

ห้ามไปงานศพ

คุณแม่หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อย่าเครียดและแสดงอาการวิตกกังวล ควรจะมีความสุขยิ้มแย้ม ถ้าหากคุณแม่เครียดก็จะส่งผลต่อทารกน้อยในครรภ์ ความจริง กรณีนี้น่าจะเกิดจากคนรุ่นเก่า แสดงถึงความห่วงใย ไม่อยากให้คุณแม่ที่ท้อง ต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางบรรยากาศ แห่งความสูญเสียโศกเศร้า อาจทำให้จิตใจต้องสลดหดหู่และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นงานศพของญาติพี่น้องคนที่รั­กด้วยแล้ว อาจจะทำให้เกิดอาการ ” เครียด ” ขึ้นมาได้ น่าจะเป็นเหตุผลนี้มากกว่าบางเหตุผลที่บอกว่า “กลัวมีวิญญาณร้ายจากวัด/สุสานติดตามมา”

ห้ามกินหอย 

คนโบราณห้ามคนท้องกินหอยทุกประเภท เพราะมีความเชื่อว่า เวลาคลอดจะมีกลิ่นคาว และคลอดยากเหมือนหอยที่ติดอยู่ในเปลือก 
ความจริงในเรื่องนี้คือ โภชนาการคนท้องสมัยนี้ ไม่มีข้อห้ามไม่ให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กินหอยค่ะ เพราะหอยส่วนใหญ่จะให้คุณค่าให้สารไอโอดีนสูงคุณแม่ควรจะกินเพื่อป้องกันการขาด­สารไอโอดีน ยกเว้นแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ในรายที่มีไขมันในเลือดสูง ควรงดกิน โดยเฉพาะหอยนางรมที่มีคอเรสเตอรอลสูงมากค่ะ แต่ควรเลือกรับประทานหอยที่สด สะอาด และปรุงถูกหลักอนามัย

ข้อมูลบางส่วนจาก นิตยสาร Modern Mom, kapook.com, motherandchild.in.th

cute7

 

15 Comments

Comments are closed.